ต่อกันด้วย Anders Bergcrantz มือทรัมเป็ตที่กวาดรางวัลมาอย่างมากมาย รับรองได้ว่า ได้มุมมองแบบนักดนตรีแจ๊สเต็มที่ครับ และ Guitarthai ขอขอบคุณ คุณปิ๊กและคุณสา Hitman มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
Gt : ทำไมคุณถึงเลือกเล่น ทรัมเป็ต ?
Andres : โอเค!! มันเริ่มจากการที่พ่อผมเป็นมือเปียโนแจ๊ส และครอบครัวของผมก็เป็นครอบครัวนักดนตรี และพี่ชายของผมเองก็มีทรัมเป็ต และตอนผมเป็นเด็ก ผมก็ลองเล่นทรัมเป็ตแต่ก็ยังไม่สามารถเล่นได้ และพี่ชายของผมก็หันไปเล่น แซ็กโซโฟน ผมจึงหันมาเล่นทรัมเป็ตต่อจากเขาอย่างจริงจัง
Gt : ช่วยเล่าถึงประวัติทางการศึกษาดนตรีของคุณ ?
Andres : ผมเริ่มเรียนทรัมเป็ตครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 14 บทเรียนแรกของผมนั้นก็ได้มาจากพี่ชายของผมเช่นกัน เขาสอนผมก่อนที่เขาจะหันไปเล่นแซ็กโซโฟน และผมก็เข้าไปเรียนดนตรีต่อในช่วง ไฮสคูล และผมก็ได้เรียนกับครูที่สอนในสไตล์คลาสสิค ผมเรียนกับเขาที่นั้นเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ก่อนที่จะเข้าไปเรียนต่อที่ berklee music school และหลังจากนั้นผมก็กลับมาศึกษาทางด้านคลาสสิกกับครูสมัยไฮสคูล และผมก็เป็นคนที่โตมากับดนตรีทั้งคลาสสิกและแจ๊ส และหลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมของแจ็สมาตลอดและก็ยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับมันอยู่ตลอดเวลา
Andres : จริงๆแล้วมีเยอะมาก (หัวเราะ) แต่ที่อยากจะพูดถึงก็คือ Lee Morgan,Woody Shaw,Miles Davis ,Chet Baker และอีกหลายต่อหลายคนเลย แต่ Woody Shaw น่าจะเป็นฮีโร่ของผมตลอดกาลเลยก็ว่าได้
Gt : การฝึกทรัมเป็ตกับการอิมโพรไวส์ที่ดีนั้น จำเป็นหรือเปล่าที่จะต้องฝึกไลน์ II IV I ให้เยอะๆ
Andres : ผมนึกออกเลยนะกับสิ่งที่คุณถาม ไลน์ II IV I นั้นเป็นหนึ่งสิ่งที่จำเป็นมากๆในล้านๆสิ่งที่คุณจะต้องฝึก เรื่องของ II IV I นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นมากและมีอยู่อย่างมหาศาลที่คุณจะต้องเจอในดนตรีแจ๊ส
Gt : แล้วคุณมีวิธีการพัฒนาไลน์ II IV I ของคุณอย่างไร
Andres : จริงๆแล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายนะ ผมอยากจะบอกว่า มันต้องใช้เวลาหลายต่อหลายปีมากๆที่จะฝึกมันให้ดี แต่มันก็ต้องฝึก และเรื่องที่สำคัญที่คุณจะต้องนำมาใช้ผสมอีกอย่างคือโน๊ต โครมาติก มันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการซ้อมที่นานซักนิด แต่สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมานั้นเยี่ยมมากจริงๆ และที่ผมมักจะล่นกับมันอย่างมาก ก็ตอนที่เล่นกับคอร์ดประเภท ดอร์มิแนน มันสามารถที่จะใส่อะไรได้เยอะมาก
Gt : คุณคิดอย่างไร กับการเรียนรู้จากไลน์โซโล่ของนักดนตรีคนอื่นๆ
Andres : เยี่ยมมากๆ (หัวเราะ) นี่คือคำถามที่ผมชอบเลย มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่จะฟังและเรียนรู้จากไลน์ของนักดนตรีท่านอื่นๆ ต้องฟังเยอะๆ คุณควรที่จะแกะไลน์ของเขาและวิเคราะห์ไลน์เหล่านั้น และท้ายที่สุดคุณก็จะต้องพัฒนามันให้เป็นสไตล์และแนวทางของคุณเอง สิ่งแรกคือการฟัง ต่อมาคือการเรียนรู้เรื่องของซาวด์ ,ภาษาที่เล่นออกมา แต่ถ้าคุณคอยที่จะก็อบปี้มันอย่างเดียวคุณก็จะไม่ได้อะไรจากมัน ตราบใดที่ไม่พัฒนามันขึ้นมา แจ๊สมันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากๆ
Gt : คุณมีวิธีในการฝึกและได้ยินไลน์โซโล่หรือไลน์เอาด์อย่างไร เมื่อเครื่องมือของคุณไม่สามารถที่จะเล่นคอร์ดไปพร้อมกับการโซโล่ได้
Andres : วิธีของผม ผมจะเขียนคอร์ดลงในกระดาษเช่น คอร์ด Dm7 และผมจะทำความเข้าใจกับมันว่า มันมีโน๊ตอะไรบ้าง ผมก็ไปลองเล่นกับเปียโน สิ่งนี้คือที่ผมทำตอนเด็กๆ และผมก็จะเล่นมันลงไป โดยอาจจะเริ่มต้นกับการไล่เสกล และต่อมาผมก็จะไปเล่นกับเรื่องของ โหมดโดยเริ่มจาก ดอเรียน เสกล และก็เรียนรู้ในแต่ละโน๊ต และต่อมาคุณก็อาจจะเริ่มต้นเล่นมันโดยที่ไม่เริ่มต้นจากโน๊ตตัวรูท จนได้ยินเสียงของมันอยู่ในหัว หลังจากนั้นเมื่อคุณได้ยินเสียง inside แล้ว คุณก็เริ่มต้นฝึกโน๊ต outside ได้เลย จำไว้เสมอเลยว่าเมื่อคุณได้ยินซวาวด์ inside แล้ว คุณก็จะเล่น outside ได้อย่างง่ายดาย
Gt : กับการฝึกแจ๊สที่ดีนั้นควรที่จะเล่นโน๊ตแบบ arpeggio แบบ eight note เล่นต่อเนื่องตลอดทั้งเพลงที่คุณซ้อมหรือเปล่า
Andres : ดีๆ!! ดีมากๆเลยในการฝึกแบบนั้น คุณควรเริ่มต้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ ถ้าคุณเพิ่งหัดที่จะเล่นแจ๊ส มันดีมากๆเลย แม้แต่การฝึกในเพลงยากๆหรือ คนที่เล่นแบบมืออาชีพก็ยังควรที่จะฝึกมันตลอด มันเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการฝึกและทำความเข้าใจกับหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอร์ด เทคนิค และหลายๆอย่าง และมันยังเกี่ยวเนื่องกับเรื่องการเล่น อิมโพรไวส์ มันจะสามารถพัฒนาทักษะเรื่องของ เมโลดี อีกด้วย
Gt : อยากให้คุณช่วยให้คำแนะนำ เกี่ยวกับเรื่องอิมโพรไวส์และความเป็นแจ๊สในแบบของคุณ
Andres : แจ๊สมันเป็นเรื่องของสิ่งทีออกมาจากข้างใน แจ๊สประกอบด้วย 2 สิ่งหลักๆคือ เทคนิคและซาวด์ ตัวอย่างเช่น John Coltrane เป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยเทคนิค ส่วน Freddie Hubbard นั้นมีความเป็นซาวด์อยู่สูงมาก ผมเคยเห็นนักดนตรีแจ๊สหลายๆคนที่เล่นออกมาเก่งมาก แต่ขาดความเป็นซาวด์แบบแจ็สอย่างสิ้นเชิง หากคุณมีเทคนิคและซาวด์ร่วมถึงริทึมมิคเข้าไปรวมอยู่ด้วยกัน คุณจะเป็นนักดนตรีแจ๊สที่สมบูรณ์แบบ คำถามนี้เป็นคำถามทีดี ความเป็นแจ๊สไม่มีกฎที่ตายตัว ผมเชื่อว่านักดนตรีแจ๊สที่เป็นโปร จะต้องตอบว่า แจ๊สคือจิตวิญญาณที่ออกมาจากข้างใน ไม่ว่าจะเป็นแจ็สแบบโอลสคูล หรือจะเป็นโมเดิร์นแจ๊ส ทั้งหมดนั้นมันคือจิตวิญญาณเช่นกัน
Gt : กับเรื่องของการเล่น จำเป็นหรือไม่ที่นักทรัมเป็ตจะต้องฝึก การเล่นแบบ โอเวอร์อ๊อกเต๊ป (เสียงที่เป่าเกิน สองถึง สามอ๊อกเต็ป) หรือเปล่า
Andres : ไม่จำเป็นเลย เป็นเรื่องขอความชอบส่วนบุคคล มันไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไรมากมาย สิ่งที่สำคัญจริงๆนั้นผมว่ามันเป็นเรื่องของซาวด์มากกว่า แต่มันก็เป็นการเล่นที่เจ๋งเช่นกัน
Gt : มันเป็นเรื่องของเทคนิคมากกว่า
Andres : ใช่!! และ เมาพีช ก็มีส่วนในการเล่นเทคนิคนี้ด้วยเช่นกัน
Gt : คุณคิดอย่างไรที่ คนเรียนดนตรีคลาสสิคถูกห้ามไปเรียนแจ๊ส เพราะอาจจะทำให้ เกิด ear training เพี้ยนได้
Andres : ไม่จำเป็นเลย ทีมีการห้ามอย่างนี้ นักดนตรีแจ็สสมัยก่อน หลายต่อหลายคน ต่างก็มีพื้นฐานมาจากคลาสสิก แม้ว่าผมจะเล่นแจ๊ส แต่ผมก็ยังฟังคลาสสิกอยู่ตลอดเวลา อย่างตอนที่ผมเป็นเด็ก และไปเรียนดนตรี อาจารย์ของผมยังสอนบทเรียน เกี่ยวกับดนตรีคลาสสิกกับผมอยู่ตลอด การเรียนดนตรีคลาสสิกนั้น จะทำให้คุณมีพื้นฐานบางอย่าง ที่ทำให้พัฒนาการเล่นของของคุณ ทุกวันนี้ผมก็ยังฟัง Stravinsky และ อีกหลายๆคนอยู่เลย มันไม่ได้มีปัญหาต่อกันเลย มันกลับเป็นสิ่งที่ดีซะมากกว่า ตราบใดที่หัวใจของคุณเป็นแจ๊ส มันก็จะเป็นแจ๊สอยู่วันยังค่ำ เช่นกัน หากคุณรักสิ่งไหน มันก็ไม่มีทางปลี่ยนแปลงคุณได้
Gt : คณใช้ทรัมเป็ตของอะไร
Andres : ผมใช้ทรัมเป็ตของ Conn ปี 1972
Gt : แล้ว Mouthpiece
Andres : ใช้ Conn เช่นกัน นักดนตรีทั้ง คลาสสิกและแจ๊ส ก็นิยมที่จะใช้มันเช่นกัน ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เปลี่ยนบ่อยนัก เพราะการเปลี่ยนแต่ละครั้ง นั้นหมายถึงการี่จะต้องเริ่มต้นฝึกกับการคุ้นเคยอีกครั้ง
Gt : คำถามสุดท้ายครับ ช่วยให้คำแนะนำกับนักดนตรีในเมืองไทยครับ
Andres : หลังจากที่ผมได้มาอยู่เมืองไทย แม้จะเป็นเวลา 2-3 วัน แต่ผมก็พอเข้าใจสถานการณ์ของวงการดนตรีที่ดีบ้าง การเป็นนักดนตรีแจ๊สที่ดีนั้นต้องเล่นเยอะ ซ้อมเยอะ และ แจมกับคนอื่นๆเยอะๆ ฟังและเล่นเยอะๆ คำแนะนำอย่างนี้ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้นแต่ มันเป็นคำแนะนำที่ต้องให้กับคนทั่วโลกเช่นกัน กับการเล่นแจ๊ส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น